ตำนานถ้ำผานางคอย จังหวัดแพร่
แม้ร้อยปี....นานเท่านาน....ยังคงหวัง
ขอเฝ้าคอย...แม้จะสิ้น....ลมพลัง
ชาติหน้ายัง...คงคอยพี่...อยู่ที่เดิม
ถ้ำผานางคอยอยู่ที่บ้านผาหมู อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นถ้ำธรรมชาติขนาดใหญ่นี้มีความสวยงาม มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า ถ้ำนางคอย ปัจจุบันจึ่งมักนิยมเรียกว่า ถ้ำผานางคอย ตัวถ้ำอยู่บนผาสูงประมาณ 50 เมตร หน้าถ้ำมีลานหินกว้าง ตัวถ้ำมีความลึก ที่มีลักษณะยาวขนานไปในระดับพื้นดินประมาณ 150 เมตร กว้างประมาณ 20 เมตร ภายในถ้ำเป็นพี้นดินเรียบ บางตอนมีเหวลึก ผนังถ้ำมีหินงอก หินย้อยที่สวยงาม ส่งแสงสะท้อนเป็นประกายระยิบระยับ เมื่อต้องแสงสว่างไปตลอดความยาวของถ้ำ เมื่อเกือบถึงปากสุดของถ้ำที่ทะลุมีทางออกกว้าง ปริเวณกลางถ้ำมีหินงอกขนาดใหญ่มีลักษณะคล้ายผู้หญิงอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขน เรียกว่า ผานางคอย เป็นจุดสำคัญของถ้ำนี้ เกือบถึงปลายถ้ำมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ให้ประชาชนได้นมัสการ
ตำนานที่ ๑
ณ ถ้ำแห่งนี้เองที่มีตำนานความรักระหว่างทหารต่ำศักดิ์กับเจ้าหญิง(เจ้านาง)สูงศักดิ์คู่หนึ่ง เรื่องมี อยู่ว่า เมื่อ พ.ศ.1700 อาณาจักรแสนหวีมีความเจริญรุ่งเรืองมาก(สันนิษฐานว่าแสนหวีในที่นี้คือแสนหวีที่สิบสอง ปันนาหรือที่เชียงรุ่ง ไม่ใช่แสนหวีหลวงเมืองเงี้ยว) กษัตริย์ปกครองอย่างสงบสุข พระองค์ทรงมีราชธิดาองค์หนึ่งมี สิริโฉมงดงามมาก มีน้ำพระทัยดี มีพระนามว่า เจ้าหญิงอรัญญานี ครั้งหนึ่ง เจ้าหญิงได้เสด็จโดยชลมารคแล้วเรือล่มหัวหน้าฝีพายได้ช่วยเหลือเจ้าหญิงไว้ได้ ทั้งสองจึงเกิดรักกัน จนเจ้าหญิงทรงครรภ์ พระราชบิดาทราบเรื่องก็ทรงพิโรธ จึงได้ขังเจ้าหญิงไว้ แต่ฝ่ายชายก็หาโอกาสช่วยพาหนีลงมาทางใต้ โดยมีกองทหารไล่ตามอย่างกระชั้นชิด เมื่อมาทันที่หุบเขาแห่งหนึ่ง เจ้าหญิงถูกยิงด้วยธนู ฝ่ายชายจึงพาไปหลบซ่อนในถ้ำเพื่อรักษาพยาบาล เจ้าหญิงเห็นว่าทหารกำลังตามมา จึงให้ฝ่ายชายหนีไปก่อน และบอกว่าจะคอยฝ่ายชายอยู่ในถ้ำนี้ตลอดไป ถ้ำนี้จึงได้ชื่อว่า ถ้ำผานางคอย หรือถ้ำนางคอย
ตำนานที่ ๒
อีกตำนานบอกว่า หัวหน้าฝีพายพานางหนีไปอยู่ในถ้ำ และออกไปหาอาหาร เคราะห์ร้ายทหารตามมาพบและจัดการสังหารเขาเสีย องค์หญิงรู้ว่า สามีคงเสียชีวิตแล้ว จึงตั้งอธิษฐานว่า จะรอคอยให้สามีกลับมาตลอดไป ด้วยอานุภาพสัจจะ นางจึงกลายเป็นหิน เงยหน้ามองปากถ้ำ รอคอยการกลับมาของชายคนรักจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้.
ตำนานที่ ๓
อีกตำนานบอกว่า เมื่อเจ้าครองนครทรงทราบก็สั่งให้ทหารออกติดตามคนทั้งสอง ทหารขี่ม้าทันทั้งสองคนที่ซอกเขาแห่งหนึ่ง และยิงธนูไปหมายจะเอาชีวิตชายหนุ่ม แต่ธนูพลาดไปถูกนางอรัญญนีได้รับบาดเจ็บสาหัส สามีของนางจึงพานางเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในถ้ำ นางอรัญญนีรู้ตัวว่า คงไม่รอดชีวิต จึงขอร้องให้สามีหนีเอาตัวรอดโดยให้สัญญาว่าจะรออยู่ที่ถ้ำแห่งนี้ตลอดไป ชาย หนุ่มจึงจำใจต้องจากไปตามคำขอร้องของนาง ส่วนนางอรัญญนีก็นั่งมองดูสามีควบม้าหนีห่างไปจนลับตา และสิ้นใจตายอยู่ในถ้ำแห่งนั้นลานที่นางนั่งดูสามีควบม้าจากไปนั้น ต่อมาเรียกว่า ลาน นางคอย ส่วนถ้ำแห่งนั้นก็ได้ชื่อว่า ถ้ำผานาง
ถ้ำผานางคอย
เป็นส่วนหนึ่งของภูเขาหินปูน ที่ตั้งตระหง่านกลางป่า ปกคลุมด้วยแมกไม้น้อยใหญ่ อดีตเมื่อผืนป่ายังอุดมสมบูรณ์ ละแวกนี้เต็มไปด้วยสัตว์มากมายหลายชนิด โดยเฉพาะกวางป่า เป็นที่มาของชื่ออำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร แต่เมื่อพื้นที่ถูกแปร่
เป็นพื้นที่การเกษตร สัตว์ก็ค่อยๆ หายไป เหลือเพียงภูเขาหินปูน ถ้ำและหินงอกหินย้อยสวยวิจิตรอลังการเป็นประติมากรรม ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างไว้ถ้ำแห่งนี้มิถูกร้อยเรียงเรื่องราวให้เข้ากับตำนาน
นิทานพื้นบ้าน จากหยดหินก่อให้เกิดรูปทรงผู้หญิงกำลังโอบอุ้มลูกน้อย รอคอยการกลับมาของชายอันเป็นที่รักของเธอ โดดเด่นอยู่ที่ลานกลางถ้ำ เป็นที่มาของชื่อ ถ้ำผานางคอย ตำนานรักยิ่งใหญ่ของเจ้าแม่อรัญญาณี หญิงสาวสูงศักดิ์ กับชายอันเป็นที่รัก เมื่อ 800 ปีที่แล้วสมัยอาณาจักรแสนหวี องค์หญิงอรัญญาณีผู้สูงศักดิ์ รักกับคะนองเดช หัวหน้าฝีพาย จนองค์หญิงอรัญญาณีตั้งครรภ์ แล้วหนีมาด้วยกัน จนถึงกลางป่าถูกทหารตามล่ามาอย่างกระชั้นชิด ทหารยิงคะนองเดชแต่พลาด ถูกกลางอุระองค์หญิงอรัญญาณี ทั้งสองหลบเข้ามาอยู่ในถ้ำและประสูติพระโอรส องค์หญิงอรัญญาณีได้ให้ชายที่รักหนีไป และพูดว่า "หญิงจะรออยู่ที่นี่ ชั่วกัลปาวสาน" แรงอธิษฐานดังกล่าวทำให้นางกลายเป็นหิน มือโอบพระโอรสไว้บนตัก เป็นที่มาของชื่อถ้ำผานางคอย ปัจจุบันถ้ำผานางคอยได้รับการปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ มีการปรับภูมิทัศน์ พัฒนาเส้นทาง ติดไฟ และป้ายบอกถึงความเป็นมาประวัติศาสตร์ และตำนาน "ผานางคอย" ไว้รับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ความสูงจากด้านล่างจนถึงปากถ้ำ 50 เมตรถือว่าไม่ไกลมากนัก ภายในถ้ำ ระยะทางจากปากถ้ำจนถึงทางออกอีกด้านยาวถึง 150 เมตร ทางเดินทั้งกว้างและแคบสลับกันไปเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยระยิบระยับ แบ่งออกเป็น 13 จุด ตั้งชื่อเรียบร้อยกันอย่างไพเราะ คือ คูหาสวรรค์วิเศษ เทพอารักษ์นครา นาคาสถิต งามพิศอนงค์สนาน หิมพานต์พิจิตร เนรมิตม่านแก้ว มรกตเพริดแพร้ววิจิตรา บูชาพระมุนี นทีชลเนตร ธารเทพอธิษฐาน คชสารพิทักษ์ ลานรักพระนาง และหินนางคอย ขึ้นไปไม่สูง ข้างบนมีลานหินเล็ก ๆ ซึ่งเป็นที่นั่ง เรียกกันว่า ลานนางคอย นอกจากนี้ เมื่อเข้าไปกลางถ้ำจะพบกับ หินงอกขนาดใหญ่เมื่อเดินพ้นโค้งลานรักพระนาง มองไปทางขวาเล็กน้อย สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาตั้งตระหง่านโดดเด่น นั่นคือ หินนางคอย หัวใจสำคัญของถ้ำ หินปูนที่หยดย้อยทำให้เกิดรูปทรงเหมือนหญิงสาว กำลังก้มหน้าโอบอุ้มลูกน้อยนั่งอยู่บนแท่นหิน ผู้มาเยือนต้องยืนอยู่ห่างจากหินนางคอยประมาณ 10 เมตร จะเป็นจุดที่เห็นได้ชัดว่ามีรูปร่างเหมือนผู้หญิงอุ้มลูก ถัดจากหินนางคอยไปเล็กน้อย จะเป็นปากถ้ำอีกด้านหนึ่งที่สูงขึ้นไป ปากถ้ำด้านหลังมีความกว้างกว่า15 เมตร เป็นแหล่งแสงสว่างให้ภายในถ้ำเป็นอย่างดี ก่อนถึงปากถ้ำด้านหลัง ชาวบ้านได้นำพระพุทธรูปตั้งไว้เพื่อให้ผู้มาเยือนได้กราบไว้บูชา ขอพรก่อนเดินทางกลับอีกด้วย
จุดต่างๆภายในถ้ำผานางคอย
- คูหาสวรรค์วิเศษ สถานที่แสนสวยงาม และปลอดภัยที่พระนางอรัญญณี (นางคอย) ใช้เป็นที่สถิต เพื่อรอคอยพระสวามรด้วยความรักอันมั่นคง
- เทพอารักษ์นครา ดินแดนเหล่าเทพยาดาผู้คอยปกป้องนางอรัญญณี และลูกน้อย
- นาคาสถิต สถานที่สถิตขององค์นาคา ผู้รักษาดินแดนของพระนางอรัญญณี
- งามพิศอนงค์สนาน ธารน้ำใสสะอาดสวยงามที่ไหลมาจากสรวงสวรรค์ พระนางอรัญญณีใช้เป็นที่ชำระ ร่างกาย
- หิมพานต์วิจิตร ภาพเนรมิตที่เหล่าเทพยาดาประทานให้กับพระนางอรัญญณี ได้ชื่นชมเพื่อความ รื่นรมย์ คลายทุกข์โศก
- เนรมิตม่านแก้ว ม่านแก้วที่วิจิตรงดงามที่เหล่าเทพยาดาได้เนรมิตประดับไว้ในคูหาสวรรค์แห่งนี้
- มรกตเพริดแพร้ววิจิตรา อัญมณีอันล้ำค่าแหล่งกำเนิดพลังจากสวรรค์ที่เทประทานให้แก่มวลมนุษย์
- บูชาพระมุนี สถานที่บำเพ็ญตะบะขององค์พระฤาษีประจำคูหาสวรรค์
- นทีชลเนตร สถานที่พระนางอรัญญณีร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศกโทมนัสหลั่งล้นชลเนตรดั่งสายนที
- ธานเทพอธิษฐาน ธานทิพย์จากสวรรค์ ที่เป็นสื่อรับรู้ความรักความโทมนัสและคำอธิษฐานของพระนา งอรัญญณี
- คชสารพิทักษ์ โคลงช้างที่คอยปกป้องดินแดนแห่งความรักของพระนางอรัญญณี
- ลานรักพระนาง ห้องโถงและห้องบรรทมที่พระนางอรัญญณีใช้เป็นที่ฟูมฟักทะนุถนอมลูกน้อยด้วย ความรัก เพื่อรอคอยพระสวามีอันเป็นที่รัก
-อลังการแห่งรักอรัญญณี ปรากฏการณ์ อันยิ่งใหญ่ของพระนางอรัญญณีที่อุ้มลูกน้อยรอคอยสามีอันเป็น ที่รัก ด้วยแรงอธิษฐานจนกลายเป็นหินสถิตย์อยู่ในคูหาสวรรค์แห่งนี้
รูปหินนางคอย
ตำนานถ้ำ
ผานางคอย
เป็นเรื่องราวความรักของเจ้าหญิงสูงศักดิ์กับราชองครักษ์ที่ได้หนีตามกันมา
หลบอาศัยในถ้ำนี้ ต่อมาฝ่ายชายถูกทหารตามไปฆ่าตาย
เจ้าหญิงและลูกเฝ้าคอยการกลับมาของคนรักจนตายและกลายเป็นหิน
ในเดือนเมษายนช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีการจัดงานถ้ำผา-นางคอยทุกปี
ชาติหน้ายัง...คงคอยพี่...อยู่ที่เดิม
ตำนานที่ ๑
ณ ถ้ำแห่งนี้เองที่มีตำนานความรักระหว่างทหารต่ำศักดิ์กับเจ้าหญิง(เจ้านาง)สูงศักดิ์คู่หนึ่ง เรื่องมี อยู่ว่า เมื่อ พ.ศ.1700 อาณาจักรแสนหวีมีความเจริญรุ่งเรืองมาก(สันนิษฐานว่าแสนหวีในที่นี้คือแสนหวีที่สิบสอง ปันนาหรือที่เชียงรุ่ง ไม่ใช่แสนหวีหลวงเมืองเงี้ยว) กษัตริย์ปกครองอย่างสงบสุข พระองค์ทรงมีราชธิดาองค์หนึ่งมี สิริโฉมงดงามมาก มีน้ำพระทัยดี มีพระนามว่า เจ้าหญิงอรัญญานี ครั้งหนึ่ง เจ้าหญิงได้เสด็จโดยชลมารคแล้วเรือล่มหัวหน้าฝีพายได้ช่วยเหลือเจ้าหญิงไว้ได้ ทั้งสองจึงเกิดรักกัน จนเจ้าหญิงทรงครรภ์ พระราชบิดาทราบเรื่องก็ทรงพิโรธ จึงได้ขังเจ้าหญิงไว้ แต่ฝ่ายชายก็หาโอกาสช่วยพาหนีลงมาทางใต้ โดยมีกองทหารไล่ตามอย่างกระชั้นชิด เมื่อมาทันที่หุบเขาแห่งหนึ่ง เจ้าหญิงถูกยิงด้วยธนู ฝ่ายชายจึงพาไปหลบซ่อนในถ้ำเพื่อรักษาพยาบาล เจ้าหญิงเห็นว่าทหารกำลังตามมา จึงให้ฝ่ายชายหนีไปก่อน และบอกว่าจะคอยฝ่ายชายอยู่ในถ้ำนี้ตลอดไป ถ้ำนี้จึงได้ชื่อว่า ถ้ำผานางคอย หรือถ้ำนางคอย
ตำนานที่ ๒
อีกตำนานบอกว่า หัวหน้าฝีพายพานางหนีไปอยู่ในถ้ำ และออกไปหาอาหาร เคราะห์ร้ายทหารตามมาพบและจัดการสังหารเขาเสีย องค์หญิงรู้ว่า สามีคงเสียชีวิตแล้ว จึงตั้งอธิษฐานว่า จะรอคอยให้สามีกลับมาตลอดไป ด้วยอานุภาพสัจจะ นางจึงกลายเป็นหิน เงยหน้ามองปากถ้ำ รอคอยการกลับมาของชายคนรักจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้.
ตำนานที่ ๓
อีกตำนานบอกว่า เมื่อเจ้าครองนครทรงทราบก็สั่งให้ทหารออกติดตามคนทั้งสอง ทหารขี่ม้าทันทั้งสองคนที่ซอกเขาแห่งหนึ่ง และยิงธนูไปหมายจะเอาชีวิตชายหนุ่ม แต่ธนูพลาดไปถูกนางอรัญญนีได้รับบาดเจ็บสาหัส สามีของนางจึงพานางเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในถ้ำ นางอรัญญนีรู้ตัวว่า คงไม่รอดชีวิต จึงขอร้องให้สามีหนีเอาตัวรอดโดยให้สัญญาว่าจะรออยู่ที่ถ้ำแห่งนี้ตลอดไป ชาย หนุ่มจึงจำใจต้องจากไปตามคำขอร้องของนาง ส่วนนางอรัญญนีก็นั่งมองดูสามีควบม้าหนีห่างไปจนลับตา และสิ้นใจตายอยู่ในถ้ำแห่งนั้นลานที่นางนั่งดูสามีควบม้าจากไปนั้น ต่อมาเรียกว่า ลาน นางคอย ส่วนถ้ำแห่งนั้นก็ได้ชื่อว่า ถ้ำผานาง
ถ้ำผานางคอย
เป็นส่วนหนึ่งของภูเขาหินปูน ที่ตั้งตระหง่านกลางป่า ปกคลุมด้วยแมกไม้น้อยใหญ่ อดีตเมื่อผืนป่ายังอุดมสมบูรณ์ ละแวกนี้เต็มไปด้วยสัตว์มากมายหลายชนิด โดยเฉพาะกวางป่า เป็นที่มาของชื่ออำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร แต่เมื่อพื้นที่ถูกแปร่
เป็นพื้นที่การเกษตร สัตว์ก็ค่อยๆ หายไป เหลือเพียงภูเขาหินปูน ถ้ำและหินงอกหินย้อยสวยวิจิตรอลังการเป็นประติมากรรม ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างไว้ถ้ำแห่งนี้มิถูกร้อยเรียงเรื่องราวให้เข้ากับตำนาน
จุดต่างๆภายในถ้ำผานางคอย
- คูหาสวรรค์วิเศษ สถานที่แสนสวยงาม และปลอดภัยที่พระนางอรัญญณี (นางคอย) ใช้เป็นที่สถิต เพื่อรอคอยพระสวามรด้วยความรักอันมั่นคง
- เทพอารักษ์นครา ดินแดนเหล่าเทพยาดาผู้คอยปกป้องนางอรัญญณี และลูกน้อย
- นาคาสถิต สถานที่สถิตขององค์นาคา ผู้รักษาดินแดนของพระนางอรัญญณี
- งามพิศอนงค์สนาน ธารน้ำใสสะอาดสวยงามที่ไหลมาจากสรวงสวรรค์ พระนางอรัญญณีใช้เป็นที่ชำระ ร่างกาย
- หิมพานต์วิจิตร ภาพเนรมิตที่เหล่าเทพยาดาประทานให้กับพระนางอรัญญณี ได้ชื่นชมเพื่อความ รื่นรมย์ คลายทุกข์โศก
- เนรมิตม่านแก้ว ม่านแก้วที่วิจิตรงดงามที่เหล่าเทพยาดาได้เนรมิตประดับไว้ในคูหาสวรรค์แห่งนี้
- มรกตเพริดแพร้ววิจิตรา อัญมณีอันล้ำค่าแหล่งกำเนิดพลังจากสวรรค์ที่เทประทานให้แก่มวลมนุษย์
- บูชาพระมุนี สถานที่บำเพ็ญตะบะขององค์พระฤาษีประจำคูหาสวรรค์
- นทีชลเนตร สถานที่พระนางอรัญญณีร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศกโทมนัสหลั่งล้นชลเนตรดั่งสายนที
- ธานเทพอธิษฐาน ธานทิพย์จากสวรรค์ ที่เป็นสื่อรับรู้ความรักความโทมนัสและคำอธิษฐานของพระนา งอรัญญณี
- คชสารพิทักษ์ โคลงช้างที่คอยปกป้องดินแดนแห่งความรักของพระนางอรัญญณี
- ลานรักพระนาง ห้องโถงและห้องบรรทมที่พระนางอรัญญณีใช้เป็นที่ฟูมฟักทะนุถนอมลูกน้อยด้วย ความรัก เพื่อรอคอยพระสวามีอันเป็นที่รัก
-อลังการแห่งรักอรัญญณี ปรากฏการณ์ อันยิ่งใหญ่ของพระนางอรัญญณีที่อุ้มลูกน้อยรอคอยสามีอันเป็น ที่รัก ด้วยแรงอธิษฐานจนกลายเป็นหินสถิตย์อยู่ในคูหาสวรรค์แห่งนี้
รูปหินนางคอย
ตำนานถ้ำ ผานางคอย เป็นเรื่องราวความรักของเจ้าหญิงสูงศักดิ์กับราชองครักษ์ที่ได้หนีตามกันมา หลบอาศัยในถ้ำนี้ ต่อมาฝ่ายชายถูกทหารตามไปฆ่าตาย เจ้าหญิงและลูกเฝ้าคอยการกลับมาของคนรักจนตายและกลายเป็นหิน ในเดือนเมษายนช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีการจัดงานถ้ำผา-นางคอยทุกปี
รูปหินนางคอย
ตำนานถ้ำ ผานางคอย เป็นเรื่องราวความรักของเจ้าหญิงสูงศักดิ์กับราชองครักษ์ที่ได้หนีตามกันมา หลบอาศัยในถ้ำนี้ ต่อมาฝ่ายชายถูกทหารตามไปฆ่าตาย เจ้าหญิงและลูกเฝ้าคอยการกลับมาของคนรักจนตายและกลายเป็นหิน ในเดือนเมษายนช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีการจัดงานถ้ำผา-นางคอยทุกปี
ดีค่ะจะได้ศึกษาต่อไปด้วย
ตอบลบ👍👍👍
ลบ